บทความ

เทียบชัด ประกันรถยนต์ชั้น 3 กับ ชั้น 3+ ต่างกันอย่างไรและเลือกแบบไหนดี ? 

ทำความเข้าใจ ประกันรถยนต์ชั้น 3
       ประกันรถยนต์ชั้น 3 ให้ความคุ้มครองค่าเสียหายต่อรถยนต์ของคู่กรณี ค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียหายของทรัพย์สินในรถยนต์คู่กรณี และค่ายาสำหรับผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารรถยนต์คันคู่กรณี โดยจะไม่ให้ค่าชดเชยความเสียหาย กรณีที่รถยนต์คันเอาประกันเสียหาย อันเนื่องจากไฟไหม้ น้ำท่วม หรือถูกโจรกรรม ประกันรถยนต์ประเภทนี้ เหมาะสำหรับรถที่ไม่ได้นำออกมาใช้งานบ่อยเท่าไหร่นัก หรือรถยนต์ที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป รวมถึงรถยนต์ที่ไม่ได้จอดในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการโดนโจรกรรม

ประกันรถยนต์ 3+ คุ้มครองซ่อมรถให้
       ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินของคู่กรณี และความเสียหายของตัวรถที่เกิดจากอุบัติเหตุกับยานพาหนะทางบก แต่ไม่คุ้มครองการสูญหาย ไฟไหม้ และความเสียหายทั่ว ๆ ไป ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ รวมถึงการเกิดเหตุขึ้นแบบไม่มีคู่กรณีด้วย ประกันรถยนต์ ประเภทนี้เหมาะสำหรับรถเก่าที่มีอายุเกิน 7 ปีขึ้นไป หรือรถที่ใช้งานเป็นประจำ แต่สามารถจอดในที่ที่ไม่มีความเสี่ยงได้
       นอกจากนี้หากคุณเป็นฝ่ายผิด บางบริษัทประกันอาจจะให้คุณต้องจ่าย “ค่าเสียหายส่วนแรก” เช่น เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาทต่อครั้งสำหรับค่าเสียหายส่วนแรก นั่นหมายความว่าหากเบี้ยประกันที่คุณจ่ายต่อปี ประมาณ 6,800 บาท อาจไม่ใช่ราคาที่แท้จริง หากเกิดเหตุไม่มีคู่กรณีเสียค่าเสียหายส่วนแรกบวกเพิ่มอีก 2,000 บาทต่อการเกิดอุบัติเหตุ 1 ครั้ง หากเกิดอุบัติเหตุเช่นเดียวกันนี้บ่อย ๆ ค่าใช้จ่ายรวมแล้วอาจเทียบเท่ากับการซื้อประกันชั้น 1 ก็ว่าได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าแม้ราคาเบี้ยจะถูกกว่าก็จริง แต่ค่าใช้จ่ายยิบย่อยก็อาจมีให้ต้องจ่ายเพิ่มเติมได้เหมือนกัน

ความแตกต่างของประกันชั้น 3 vs ประกันชั้น 3+
       หากคุณยังมองภาพความแตกต่างระหว่างประกันชั้น 3 และประกันชั้น 3+ ไม่แตก เราขออธิบายเพิ่มเติมว่า ประกันชั้น 3 จะเน้น “คุ้มครองคู่กรณีหรือบุคคลภายนอก” ทั้งในเรื่องของชีวิต ร่างกาย อนามัย และทรัพย์สิน ไม่ซ่อมรถของผู้เอาประกันให้ ส่วนผู้เอาประกันและผู้โดยสารจะได้รับความคุ้มครองในเรื่องของชีวิต และการรักษาอาการบาดเจ็บต่าง ๆ เท่านั้น
       ในขณะที่ประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองในเรื่องของชีวิต ร่างกาย อนามัย และทรัพย์สินของทั้งคู่กรณี บุคคลภายนอก ผู้เอาประกัน และผู้โดยสารที่อยู่บนรถ และคุ้มครองการซ่อมรถในกรณีรถชนรถภายใต้ทุนประกันที่ทำไว้ ดังนั้นหากพูดตามเนื้อผ้า ประกันชั้น 3+ ถือว่าให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า

ประกันรถยนต์ 3+ เหมาะสำหรับใคร ?
       สำหรับคนที่ยังลังเลว่าจะเลือกประกันรถยนต์ชั้น 3+ ดีหรือไม่ ? หรือกำลังสงสัยว่าประกันประเภทนี้เหมาะกับใครกันแน่ ? ซึ่งก็ต้องบอกว่าเหมาะกับผู้ที่ใช้รถยนต์ค่อนข้างน้อย หรือมีความชำนาญในการขับขี่มากพอสมควร เนื่องจากไม่คุ้มครองในกรณีที่เป็นอุบัติเหตุกับสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่รถยนต์ ส่งผลให้เจ้าของรถต้องจ่ายเงินค่าซ่อมเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยใช่เหตุ
       นอกจากนี้ประกันรถยนต์ 3+ ยังไม่คุ้มครองในกรณีที่รถคว่ำหรือไฟไหม้ด้วย หากไม่ใช่ผู้ที่มีประสบการณ์ในการขับขี่เท่าไหร่นัก ถือว่ามีความเสี่ยงในการเกิดเหตุเช่นนี้ได้ สำหรับคนที่มีชั่วโมงขับรถน้อยอาจไม่เหมาะกับประกันประเภทนี้ แต่ถ้าหากคุณเป็นประเภทที่ที่ทำงานและบ้านมีรั้วรอบขอบชิด มียามคอยดูแลความปลอดภัย การเลือกซื้อประเภทประเภทนี้ ก็ถือว่ายังพอตอบโจทย์ได้พอสมควร

#เกร็ดความรู้ #โตโยต้าสุราษฎร์ธานี