บทความ

อะไหล่รถยนต์ ส่วนไหนแพงที่สุด และประกันภัยรถยนต์คุ้มครองหรือไม่ ?

เช็กลิสต์ 5 อะไหล่รถยนต์ ราคาปาดเหงื่อ !

1. ชุดระบบเกียร์

กรณีได้ยินเสียง “กึก” พร้อมกับรถยนต์หยุดเคลื่อนที่ในทันที นั่นคือสัญญาณเตือนที่กำลังส่งเสียงบอกคุณว่า “ระบบเกียร์มีปัญหา” เกิดจากการขาดการซ่อมบำรุง เมื่อมีชิ้นส่วนใดเสียหายกลับละเลย ไม่ซ่อมแซมในทันที จึงทำให้พบเจอกับปัญหาใหญ่ที่ทำให้คุณปาดเหงื่อไปอีกนาน เพราะมีค่าใช้จ่ายระดับ 100,000 บาท หรือมากกว่านั้นแตะ 200,000 บาท หากเป็นแบรนด์รถหรูหรือเป็นรถที่อะไหล่หายาก ไม่ค่อยมี และระบบมีความเสียหายมาก ต้องซ่อมต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนเยอะ

2. ชุดเพลาลูกเบี้ยว

อีกหนึ่งอะไหล่รถยนต์ที่หลายคนมักหลงลืมไป จนทำให้ละเลยการเอาใจใส่ รวมถึงบางคนที่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า “ชุดเพลาลูกเบี้ยว” ทำงานในระบบไหนกันแน่ ซึ่งอะไหล่รถยนต์ส่วนนี้มีหน้าที่ดูแลการเปิดปิดของลิ้นไอเสีย และเคลื่อนที่ด้วยเฟืองที่ขบเฟืองของเพลาข้อเหวี่ยง ในกรณีที่เฟืองทั้งสอง “ขบชนกัน” แน่นอนว่าผลที่ตามมาคือแตก หัก และเสียหาย จึงเป็นเหตุผลที่คุณไม่ควรละเลยอะไหล่ชิ้นนี้ เนื่องจากหากต้องมีการเปลี่ยนทั้งชุด ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ “ครึ่งแสน” เลยล่ะ

3. ชุดช่วงล่าง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ชุดช่วงล่าง” เป็นอะไหล่รถยนต์ที่ทำงานหนักมาก เนื่องจากต้องรับน้ำหนักของรถยนต์ทั้งคัน รวมถึงแรงกระแทกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการป้องกันไม่ให้ใต้ท้องรถเกิดความเสียหาย เมื่อใดก็ตามที่พบว่าช่วงล่างรถยนต์มีปัญหา บิดเบี้ยว คำว่า “งานงอก” จะวิ่งเข้ามาในหัวของคุณทันที

เพราะหมายความว่าคุณจะต้องยกชุดช่วงล่างใหม่ทั้งหมด ซึ่งได้แก่ โช๊คอัพ ลูกหมาก แหนบรับน้ำหนัก และชุดคันส่งต่าง ๆ โดยมีราคาที่ต้องจ่ายประมาณ 80,000-100,000 บาท แต่ถ้าหากเป็นโช๊คอัพที่อัพเกรดคุณภาพขึ้นไปอีกระดับ ราคาจะเริ่มต้นตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไปกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายมีโหดสุด ๆ ก็ว่าได้

4. ชุดกระบอกสูบ

“ชุดกระบอกสูบ” เป็นอะไหล่รถยนต์ที่ถ้าหากเกิดความเสียหาย บอกเลยว่าคุณมีแววว่าจะหมดตัวได้ง่าย ๆ เนื่องจากอะไหล่รถยนต์ชิ้นนี้เป็น “แหล่งกำหนดพลังการขับเคลื่อน” ให้รถพุ่งไปด้านหน้าด้วยการเผาไหม้ และอัดพลังงานในกระบอกสูบ หรือเรียกสั้น ๆ ว่าเป็น “หัวใจหลักของระบบเครื่องยนต์” แค่ได้ยินชื่อก็ขนหัวลุกแล้วใช่ไหมล่ะ !?

ซึ่งตามปกติแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นกับกระบอกสูบ มีทั้งปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงปัญหาระดับใหญ่ชวนเหงื่อตก โดยเฉพาะการเฉี่ยวชนอย่างรุนแรง จนทำให้กระบอกสูบแตกหรือบิดเบี้ยว กรณีที่รถมีอายุมากและมูลค่าในท้องตลาดต่ำ เจ้าของรถมักเลือก “ขายซาก” มากกว่านำกลับมาซ่อมใหม่ เพราะการเปลี่ยนชุดกระบอกสูบแต่ละครั้ง มีราคาที่ต้องจ่ายอยู่ที่ 60,000-100,000 บาท เมื่อเทียบราคาซ่อม vs ซื้อรถมือสองสภาพดี ๆ เลือกซื้อรถมือสองยังจะดีซะกว่า

5. ชุดเพลาขับ

“ชุดเพลาขับ” มักมีปัญหาในเรื่อง “สภาวะบิดเบี้ยว ผิดรูป” ส่งผลให้การขับขี่บนท้องถนนไม่มีความปลอดภัย แถมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมก็แพงหูฉี่ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะอะไหล่รถยนต์ส่วนนี้เปรียบเหมือน “กระดูกสันหลัง” ที่ทอดยาวไปตามขนาดความยาวของตัวรถ มีความสัมพันธ์กับระบบเครื่องยนต์ และระบบเกียร์ ซึ่งส่วนใหญ่หากชิ้นส่วนชิ้นนี้เกิดความเสียหายรุนแรง นอกจากจะต้องเปลี่ยนชุดเพลาขับ แล้วยังต้องเปลี่ยนช่วงล่างตามไปด้วย

“ประกันภัยรถยนต์” ให้ความคุ้มครองอะไหล่รถยนต์ไหม ?

หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจราคาอะไหล่รถยนต์ ที่ราคาสุดโหดหินทั้ง 5 รายการเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงต้องหันมาซบอกประกันรถยนต์กันแน่นอน ซึ่งบางคนใจชื้นไปเรียบร้อยแล้ว เพราะว่ามีประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่คอยดูแลค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น แต่อย่าลืมว่าประกันรถยนต์ประเภทนี้ ให้ความคุ้มครองเฉพาะ “กรณีเกิดอุบัติเหตุ” เท่านั้น ไม่ได้ให้ความคุ้มครองอะไหล่รถยนต์ที่เสียหายจากการใช้งานแต่อย่างใด

หากคุณต้องการได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมจากการใช้งานปกติ ไม่ว่าจะเป็นชุดเพลาขับ กระบอกสูบ ช่วงล่าง หรืออื่น ๆ จำเป็นจะต้องซื้อ “ประกันอะไหล่รถยนต์” ควบคู่กับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ เพื่อให้รถยนต์คู่ใจของคุณได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม ไม่ต้องมานั่งปาดเหงื่อกับค่าซ่อมที่เหมือนโดนกรรโชกทรัพย์ ขับขี่ใช้งานหากรถมีปัญหา ประกันอะไหล่พร้อมดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายแทน